สสส. สานพลัง จ.ชลบุรี เครือข่ายสื่อท้องถิ่น และมูลนิธิไทยโรดส์ จัดเวทีรณรงค์ “คนชล...สวมหมวกนิรภัย ปีใหม่ปลอดภัย ดื่มไม่ขับ” เพิ่มมาตรการชุมชนเฝ้าระวัง ท้องถิ่นเข้มงวดการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อลดเจ็บ ลดตายในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567
สสส. สานพลัง จ.ชลบุรี เครือข่ายสื่อท้องถิ่น และมูลนิธิไทยโรดส์ จัดเวทีรณรงค์ “คนชล...สวมหมวกนิรภัย ปีใหม่ปลอดภัย ดื่มไม่ขับ” เพิ่มมาตรการชุมชนเฝ้าระวัง ท้องถิ่นเข้มงวดการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อลดเจ็บ ลดตายในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567
สสส.สานพลัง จ.ชลบุรี เครือข่ายสื่อท้องถิ่นและมูลนิธิไทยโรดส์ จัดเวทีรณรงค์“คนชล...สวมหมวกนิรภัย ปีใหม่ปลอดภัย ดื่มไม่ขับ” เพิ่มมาตรการชุมชนเฝ้าระวัง ท้องถิ่นเข้มงวดการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อลดเจ็บลดตายในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567
ที่โรงแรมรัตนชล อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี เครือข่ายสื่อสุขภาวะลดปัจจัยเสี่ยง ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ จังหวัดชลบุรี และเครือข่ายการขับเคลื่อนงานความปลอดภัยทางถนนในพื้นที่เมืองชลบุรี จัดเวทีรณรงค์“คนชล...สวมหมวกนิรภัย ปีใหม่ปลอดภัย ดื่มไม่ขับ” ปลุกกระแสความรับผิดชอบต่อสังคม ร่วมใจชุมชนขับขี่ปลอดภัยในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2567
นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีกล่าวถึงแผนปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่2567ว่า “ในช่วงเทศกาลปีใหม่ของทุกปี ประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมาก จะมีการเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆจึงมีความเสี่ยงต่อการใช้รถใช้ถนนมากขึ้น จ.ชลบุรี จึงได้กำหนดมาตรการในการดูแลความปลอดภัยทางถนนให้แก่ประชาชนเป็นพิเศษในช่วงการณณรงค์ 7 วันอันตราย โดยแบ่งออกเป็น3ช่วง คือช่วงก่อนควบคุมเข้มข้น วันที่ 22-28 ธันวาคม 2566 ช่วงรณรงค์เข้มข้น วันที่ 29 ธันวาคม 2566 - 4 มกราคม 2567 และช่วงหลังการรณรงค์ วันที่ 5 - 11 มกราคม 2567 ภายใต้มาตรการหลัก 5 ด้าน คือด้านบริหารจัดการความปลอดภัยทางถนน,การลดปัจจัยเสี่ยงของถนนและสภาพแวดล้อม,การลดปัจจัยเสี่ยงของยานพาหนะ,ด้านผู้ใช้รถใช้ถนนปลอดภัยและด้านการตอบสนองหลังการเกิดอุบัติเหตุ”
นอกจากนี้ข้อมูลจากมูลนิธิไทยโรดส์และเครือข่าย Road Safety Watch พบผู้ใช้รถจักรยานยนต์ของคนไทยมีการสวมหมวกนิรภัยอยู่เพียงร้อยละ 45 โดยในพื้นที่ จ.ชลบุรี มีผู้ขับขี่สวมหมวกนิรภัยอยู่ร้อยละ 56 และผู้โดยสารสวมหมวกนิรภัยอยู่ร้อยละ 23 เท่านั้น ดังนั้นในทศวรรษที่สองแห่งความปลอดภัยทางถนน 2564-2573 เครือข่ายความปลอดภัยทางถนนในระดับท้องถิ่นจังหวัดและประเทศต้องเร่งบูรณาการขับเคลื่อนให้มีมาตรการที่เข้มงวดและจริงจังในการรณรงค์สวมหมวกนิรภัยให้เป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่จำเป็นของการขับขี่รถจักรยานยนต์เพื่อเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนและมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดพร้อมรณรงค์ในกลุ่มเด็กและเยาวชนหรือนักขับมือใหม่ให้เป็น‘นักขับรถที่มีคุณภาพ’มีทักษะการขับขี่ปลอดภัยและเคารพกฎกติกาการขับขี่ก็จะเป็นการช่วยสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนได้อีกทางหนึ่งด้วย